– ควรตั้งตู้เย็นบนพื้นที่เรียบ มั่นคงและแข็งแรง พื้นที่ที่ไม่สม่ำเสมออาจทำให้เกิดการสั่น เป็นเหตุให้เกิดเสียงดังได้ หากตู้เย็นตั้งวางแล้วไม่ได้ระดับกับพื้น สามารถปรับระดับได้โดยหมุนขาตั้งปรับระดับเพื่อให้ตู้เย็นวางตั้งอย่างมั่นคง
– ควรตั้งตู้เย็นในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ให้ด้านบนห่างจากเพดานอย่างน้อย 30 ซม. ด้านหลังและด้านข้างห่างจากผนังอย่างน้อย 15 ซม. และ 10 ซม. ถ้าอากาศถ่ายเทไม่สะดวกจะทำให้คอมเพรสเซอร์ร้อนและทำงานหนักและอุณหภูมิภายในตู้ไม่เย็น
– ไม่ควรตั้งตู้เย็นบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงหรือใกล้แหล่งความร้อนอื่น และไม่ควรใช้ผ้าคลุมด้านบนหรือด้านข้างของตู้เย็น เพราะจะทำให้การระบายความร้อนไม่ดี
- อย่าตั้งตู้เย็นบริเวณที่มีความชื้น หรือบริเวณที่อาจมีน้ำกระเด็นมาถูกตู้เย็นได้ เช่น ใกล้ก็อกน้ำ อ่างล้างหน้า อ่างล้างจาน เพราะความชื้นเป็นสาเหตุทำให้เกิดสนิมหรือกระแสไฟฟ้ารั่วได้
- ก่อนเสียบปลั๊กตู้เย็นทุกครั้งต้องแน่ใจว่าแรงดันไฟฟ้าและความถี่ไฟฟ้าถูกต้องตามระบุ และต้องไม่เสียบปลั๊กตู้เย็นร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ
- ในกรณีที่ต้องการต่อสายดินเพิ่ม สามารถต่อสายดินเข้ากับจุดต่อ Earth Screw ซึ่งจะอยู่ด้านหลังของตู้เย็น ยึดสายดินเข้ากับ Ground Rod แล้วฝังลงดินลึกลงไป 2.4 เมตร
- หลังการขนย้ายตู้เย็นควรตั้งตู้เย็นทิ้งไว้ 3-6 ชั่วโมง ก่อนเสียบปลั๊กใช้งาน เพื่อให้ระบบน้ำยาทำความเย็นอยู่ในสภาวะเสถียร เพื่อการทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพ
– ควรตั้งสวิตซ์ควบคุมอุณหภูมิของตู้เย็นให้เหมาะสม การตั้งที่ตัวเลขต่ำเกินไปอุณหภูมิจะเย็นน้อย ถ้าตั้งที่ตัวเลขสูงจะเย็นมาก เพื่อให้ประหยัดพลังงานควรตั้งที่เลขต่ำที่มีอุณหภูมิพอเหมาะ
สิ่งที่ควรทำเป็นประจำหลังจากใช้งานแล้วเพื่อประหยัดค่าไฟ
- หมั่นละลายน้ำแข็งที่เกาะภายในตู้เย็นสม่ำเสมอ
- หมั่นตรวจสอบขอบยางของตู้เย็น เช็คสภาพขอบยางไม่ให้มีรอยรั่ว หรือ เสื่อมสภาพ ปิดสนิทไหม ?
- ควรหมั่นทำความสะอาดแผงระบายความร้อน
ขอบคุณข้อมูลจาก การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย