การอาบน้ำเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่เราทำกันเป็นปกติ แต่เคยสงสัยกันไหมว่าการอาบน้ำของเราเป็นอย่างไร ดีต่อผิวหรือไม่ ที่จริงการอาบน้ำให้ถูกสุขอนามัยและไม่ทำร้ายผิวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใส่ใจในรายละเอียดให้มากขึ้น คุณก็จะมีผิวที่สะอาดและสุขภาพดีได้
การรักษาความสะอาดของร่างกายเป็นปัจจัยสำคัญของการมีสุขภาพดี การอาบน้ำเป็นขั้นตอนที่ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรก น้ำมัน และเหงื่อไคลบนผิวหนัง ซึ่งการอาบน้ำอย่างเหมาะสมอยู่เป็นประจำจะส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต หากร่างกายสะอาด เราจะรู้สึกมั่นใจในตัวเองเมื่อต้องไปพบปะผู้อื่น ดังนั้น การอาบน้ำในแต่ละวันอย่างเป็นมิตรกับผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำเป็นกิจวัตร
วิธีการอาบน้ำของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปตามความชอบและความสะดวก โดยทั่วไป การอาบน้ำแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลัก คือการอาบน้ำโดยใช้ฝักบัวหรือขันตักน้ำ และการอาบน้ำในอ่างอาบน้ำ ซึ่งทั้งสองวิธีมีรายละเอียดและขั้นตอนที่แตกต่างกัน ดังนี้
การอาบน้ำโดยใช้ฝักบัวเป็นวิธีที่หลายบ้านนิยมใช้และคุ้นเคยกันดี เนื่องจากใช้พื้นที่น้อย ใช้ระยะเวลาสั้นกว่าและประหยัดน้ำกว่าการใช้อ่างอาบน้ำ ส่วนการใช้ขันตักน้ำจากภาชนะที่รองน้ำไว้ ยังถือเป็นวิธีที่พบได้ทั่วไปในบางบ้าน โดยวิธีการอาบน้ำด้วยฝักบัวหรือขันตักน้ำอย่างถูกต้อง มีดังนี้
หากต้องการสระผม ควรเริ่มจากการเทแชมพูลงบนฝ่ามือ ถูจนเกิดฟอง และชโลมแชมพูลงบนเส้นผม นวดเบา ๆ โดยเน้นที่โคนผมและหนังศีรษะ ไล่ลงมาจนถึงปลายผม ล้างฟองแชมพูออกให้สะอาด และใช้ครีมนวดผมบริเวณปลายผม เพื่อให้ผมนุ่มลื่นไม่พันกัน จากนั้นใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นล้างครีมนวดผมออก และล้างตัวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเช็ดตัวให้แห้ง และทาครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวทันทีหลังจากเช็ดตัวเพื่อป้องกันผิวแห้ง
ทั้งนี้ ระยะเวลาการอาบน้ำที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 5-10 นาที ซึ่งเพียงพอต่อการทำความสะอาดร่างกายและเติมความชุ่มชื้นให้ผิว การอาบน้ำนานเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งมากขึ้น โดยเฉพาะการอาบน้ำอุ่นหรือร้อนจัดเป็นเวลานาน เนื่องจากน้ำที่มีอุณหภูมิสูงจะทำให้รูขุมขนเปิดออก และทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายขึ้น
หลายคนอาจชื่นชอบการแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ เพราะให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าการอาบน้ำด้วยฝักบัว แต่การแช่น้ำในอ่างอาบน้ำก็อาจมีขั้นตอนและรายละเอียดที่ควรใส่ใจมากขึ้นเช่นเดียวกัน ได้แก่
โดยทั่วไป บนผิวหนังของเราจะประกอบด้วยชั้นไขมันและแบคทีเรียชนิดดีตามธรรมชาติที่ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี การอาบน้ำบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวสูญเสียส่วนประกอบของผิวเหล่านี้ ซึ่งทำให้ผิวแห้ง คัน หรือลอก และอาจทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของผิวด้อยลง เชื้อแบคทีเรียจึงสามารถเข้าสู่ผิวหนังได้ง่ายขึ้น และนำไปสู่การอักเสบของผิว ทั้งนี้ แพทย์ผิวหนังแนะนำให้อาบน้ำอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน
ในทางกลับกัน การเลือกอาบน้ำแบบนาน ๆ ครั้งก็มีผลเสียเช่นกัน เนื่องจากอาจทำให้แบคทีเรียชนิดไม่ดีเติบโตบนผิวหนังได้เร็วขึ้น เมื่อแบคทีเรียบนผิวหนังไม่สมดุล จะทำให้เกิดกลิ่นตัวทำให้เสียบุคลิกภาพ และเสี่ยงต่อการเกิดโรคผิวหนัง เช่น สิว โรคผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) โรคสะเก็ดเงิน และโรคผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) ได้
ดังนั้น หากใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านเป็นเวลานาน ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น หรือออกกำลังกายเป็นประจำ ควรอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง เพื่อสุขอนามัยที่ดีของผิว โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโรคติดต่อต่าง ๆ การรักษาความสะอาดของร่างกายเป็นปัจจัยสำคัญของการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส จึงควรอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีที่กลับถึงบ้าน ก่อนการทำกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมกับคนในครอบครัว
การอาบน้ำไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนที่ยุ่งยากหรือซับซ้อน เพียงแค่อาบน้ำด้วยวิธีที่ถูกต้องตามขั้นตอน หลีกเลี่ยงการอาบน้ำที่มีอุณหภูมิสูงหรืออาบน้ำบ่อยเกินไป และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิว ก็จะช่วยให้มีผิวที่สะอาดและมีสุขภาพดีได้ ทั้งนี้เพื่อสุขอนามัยที่ดี ควรเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และทำความสะอาดฟองน้ำขัดผิวทุกสัปดาห์ แขวนไว้ในที่แห้งและมีอากาศถ่ายเทเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา
บทความจาก PODPAD