ทำไมต้องล้างแอร์??

ทำไมต้องล้างแอร์?? รู้มั้ยว่าเชื้อโรคที่สะสมใน  Filter ของเครื่องปรับอากาศมีผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร
“เครื่องปรับอากาศ” ถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นสำคัญของคนยุคนี้ที่ทุกบ้านต้องมี  แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ชัดถึงความสำคัญของ “การล้างเครื่องปรับอากาศ” ว่าสำคัญมากและมีประโยชน์แบบที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยให้แอร์เย็นฉ่ำทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ยังช่วยประหยัดค่าไฟ ยืดอายุการใช้งาน  ที่สำคัญยังเป็นการช่วยทำให้อากาศภายในบ้านสะอาดและปราศจากเชื้อโรค

เชื้อโรคที่แฝงมากับเครื่องปรับอากาศ

รู้หรือไม่ว่าเครื่องปรับอากาศเป็นที่บ่มเพาะเชื้อโรคที่ดีที่สุด เนื่องจากในนั้นเต็มไปด้วยความชื้นที่ทำให้แบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อราเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการหายใจเอาละอองน้ำที่มีเชื้อโรคเหล่านี้เข้าไปจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพแบบองค์รวม โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจที่จะมีปัญหาอย่างหนัก และยังเสี่ยงต่อโรคปอดอักเสบขั้นรุนแรงได้อีกด้วย

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการอยู่ร่วมกับเครื่องปรับอากาศอย่างปลอดภัยสำหรับเมืองร้อนอย่างประเทศไทยที่ขาดความเย็นไม่ได้ก็คือหมั่นล้างแอร์เป็นประจำ เบื้องต้นควรล้างและทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศที่อยู่ในเครื่องปรับอากาศด้วยตัวเองอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อให้แผ่นกรองสะอาด ช่วยให้การกระจายลมเย็นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และอย่าลืมเรียกช่างมาล้างทำความสะอาดแบบเต็มระบบเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง

ล้างเครื่องปรับอากาศบ่อยแค่ไหนถึงเรียกว่า “พอดี”

โดยปกติแล้วควรจะอยู่ที่ 6 เดือน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรดูปัจจัยตำแหน่งที่ตั้งของที่อยู่อาศัยควบคู่ ถ้าตำแหน่งที่อยู่อาศัยอยู่ติดถนนหรือใกล้เคียงกับพื้นที่ก่อสร้างก็จะทำให้มีสิ่งสกปรกอุดตันเร็ว อาจจะต้องล้างทุก 2-3 เดือน หรือถ้าอยู่ในห้องที่มีสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดฝุ่นละอองเป็นประจำก็ต้องหมั่นดูแลและล้างเครื่องปรับอากาศบ่อยขึ้น

ใช้ชีวิตให้ดีกว่าเดิม ด้วยการเลือกเครื่องปรับอากาศที่ดีต่อสุขภาพ

ในยุคที่เทคโนโลยีล้ำหน้าไปทุกขณะ เครื่องปรับอากาศก็ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยุคนี้แค่ล้างเครื่องปรับอากาศเป็นประจำอาจไม่เพียงพอเท่ากับการเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศให้กลายเป็นเครื่องฟอกอากาศไปในตัวเพื่อประโยชน์ทางสุขภาพที่สมบูรณ์ที่สุด โดยเฉพาะในประเทศไทยที่เพิ่งผ่านภาวะปัญหาฝุ่นละอองในอากาศเกินค่ามาตรฐาน PM 2.5 การควบคุมสภาพอากาศภายในบ้านให้สะอาดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่ออยู่นอกบ้านเราไม่สามารถควบคุมสภาวะใดได้เลย นอกจากการใส่หน้ากากอนามัยครอบปาก และปิดจมูกเท่านั้น